รัฐบาลเตรียมมาตรการหนุนประชาชน เดินทางท่องเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ หยุดยาว 6 วัน เสนอ ครม. อนุมัติ ทัวร์เที่ยวไทย-เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ทัวร์เที่ยวไทย เราเที่ยวด้วยกัน – วันที่ 22 มี.ค. 64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แม้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. จะขอความร่วมมือในช่วงเทศกาลสงกรานต์ งดสาดน้ำ ประแป้ง จัดคอนเสิร์ต ปาร์ตี้โฟม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่รัฐบาลยังสนับสนุนให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์
โดยสงกรานต์ปี 2564 รัฐบาลยังกำหนดให้วันที่ 12 เม.ย.
เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ซึ่งเมื่อรวมกับวันเสาร์-อาทิตย์ จึงทำให้สงกรานต์ปีนี้ มีวันหยุดยาว 6 วันรวด ตั้งแต่วันที่ 10 – 15 เม.ย. เพื่อให้ประชาชนได้ออกเดินทางท่องเที่ยว เป็นการมอบความสุขให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้หารือเพื่อกำหนดโครงการรับรองการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์อย่างต่อเนื่อง โดย ททท. ได้ออกหลายแคมเปญ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการทัวร์เที่ยวไทย สนับสนุนการสมทบเงินให้ประชาชนรับสิทธิเพื่อเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ภายหลังที่ประชุม ครม. มีมติให้นำกลับไปทบทวน อุดช่อง ป้องกันการทุจริต โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่า ทั้ง 2 โครงการจะเสนอที่ประชุม ครม. ได้ในเร็ว ๆ นี้
“รัฐบาลไม่ได้มีมาตรการจำกัดการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่สนับสนุนให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวตามแบบชีวิตวิถีใหม่ หรือ new normal พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อพบปะครอบครัว รดน้ำดำหัว ขอพรผู้ใหญ่ สืบสานประเพณีปีใหม่ไทย โดยหวังให้ช่วงสงกรานต์ปีนี้ ซึ่งมีวันหยุดยาวรวม 6 วัน เกิดการจับจ่ายใช้สอย เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็น โครงการเราชนะ โครงการ ม.33 เรารักกัน ฯลฯ จะตอบโจทย์ประชาชนเป็นอย่างดี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางการล้อมปราบโดยรัฐ ผมขอคารวะทุกดวงวิญญาณของ “คนเดือนตุลา” ผู้สูญเสีย และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวและญาติมิตรในการยืนหยัดสู้ต่อไป รวมกระทั่งขอแสดงความชื่นชมด้วยหัวใจกับขบวนการนิสิตนักศึกษาคนหนุ่มสาวที่ลุกขึ้นมาสืบสานภารกิจของ “คนเดือนตุลา” และเป็นที่พึ่งที่หวังของสังคมไทยต่อไปในอนาคต
ประชาชนผู้สูญเสียไม่ได้รำลึกเพื่อเตือนใจตัวเอง เพราะเราไม่เคยลืม แต่เรารำลึกเพื่อบอกกับผู้มีอำนาจว่าเราไม่ยอมแพ้ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะสู้ต่อไป
‘อนุทิน’ ยืนยันวัคซีนโควิดพอ หลังเจอ คลัสเตอร์สมุทรปราการ
อนุทิน ยืนยันว่ายังคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดใน คลัสเตอร์สมุทรปราการ ได้ พร้อมยืนยันว่าวัคซีนโควิดมีเพียงพอ คลัสเตอร์สมุทรปราการ – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการการเล่นสงกรานต์ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ที่จังหวัดสมุทรปราการ
โดย นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังสามารถควบคุมได้ โดยต้องดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักในการพิจารณา ส่วนเรื่องการกระจายวัคซีน 8 แสนโดสที่เพิ่งเข้ามาก็จะกระจายลงไปในพื้นที่ โดยรอบนี้ตัดลงไปที่จังหวัดภูเก็ต 1 แสนโดส อำเภอสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 5 หมื่นโดส และจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้เห็นเลยว่าจัดสรรไปแล้วมีผลตอบสนองกลับมาอย่างไรเอาให้เห็นดำเห็นแดงไปเลย
โดยการกระจายเป็นไปตามหลักระบาดวิทยา หากต้องการเปิดให้เคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ก็ต้องลงไปในเมืองที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและเศษฐกิจ ส่วนจังหวัดที่มีการระบาด เช่น สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ก็ต้องจัดสรรไปด้วยให้ไปถึงประชาชน ตลาด ไม่เฉพาะแค่กลุ่มแพทย์
ทั้งนี้ทางกรมอธิบดีควบคุมโรคจะสรุปออกมาให้ชัดเจนอีกครั้งว่าจะกระจายไปในที่ใดบ้าง ไม่ต้องกังวลเพราะในเดือนเมษายนจะเข้ามาอีก 1 ล้านโดสและหากเจรจาจัดหาเพิ่มจากจีน ถ้าสามารถจัดส่งได้ก็จะมีเพิ่มเข้ามาต่อเนื่องเดือนเมษายนไปถึงเดือนมิถุนายนจนถึงวัคซีนของแอตตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยจะได้มาต้นเดือนมิถุนายน
นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรียังได้เปิดเผยอีกว่า
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร
จังหวัดภูเก็ตต้องการวัคซีน9แสนโดส สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาภายในเดือน กรกฎาคมเป็นไปได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นไปได้ สมมติเดือนมิถุนายนแอสตร้าเซนเนก้าส่งให้ 5 ล้านโดส จากนั้นเดือนละ 10 ล้านโดส ถ้าภูเก็ตต้องการ 9 แสนโดสไม่ใช่เรื่องใหญ่เราจะกระจายให้ประชาชนจัดให้ทหารตำรวจตามแนวชายแดน
ซึ่งได้แจ้งกับทางเสนาธิการทหารบกอย่างไม่เป็นทางการ ให้จากทั้งล็อตไปบริหารจัดการ วัคซีนวันนี้มีเพียงพอ เรื่องประหยัดเงินไม่สำคัญเท่ากับสามารถกระจายได้ ครอบคลุมจำนวนคนที่จะได้รับมากขึ้น และเมื่อได้รับวัคซีนแล้วแนวโน้มก็จะดีขึ้นป่วยน้อยลงความเสี่ยงในการแพร่เชื้อก็ลดลง ไม่ได้คาดหวังว่าจะไม่มีคนติดเชื้อแต่คนที่ติดจะมีจำนวนน้อยลง เมื่อน้อยลงก็ควบคุมสถานการณ์ได้ทุกอย่างก็จะกลับมาได้